[40 เรื่องความเข้าใจผิด เกี่ยวกับความงาม..]
Parabens ไม่ดีต่อผิว
Parabens นั้นจัดว่าออยู่ในกลุ่มสารกั นเสีย และเป็นหนึ่งในสารกันเสียที่ถุ กใช้ในกลุ่มเครื่องสำอางที่ มากที่สุด Parabens นั้นจัดได้ว่าเป็นตัวป้ องกัน การเกิดอันตรายหรือการเปลี่ ยนแปลงของส่วนผสมต่างๆ ที่อยู่ ในเครื่องสำอาง ที่ผ่านมามีกระแสลบต่างๆ มากมาย ต่อพาราเบนว่าใช้แล้วอาจส่งผลต่อเรื่องสุ ขภาพได้บ้าง ทำร้ายผิว, ต่อมไร้ท่อ หรือ ส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนได้บ้าง หรือ อาจจะทำ ให้เป็นมะเร็งเต้านมได้ เลยทีเดียว ความเป็นจริงนั้น Parabens ถือว่าเป็นสารกันเสียชั้ นยอด และมันก็มีหน้าที่สำคั ญมากๆ ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ ต่างๆ
Parabens เองเราสามารถพบได้ในพื ชหลายๆ ชนิด ในรูปแบบฟอร์มของ p-hydroxybenzoic acid (PHBA) ซึ่งParabens มันก็มีหน้าที่ปกป้ องตัวของพืชเอง
ซึ่งพูดถึงตรงนี้แล้ว ใครเคยได้ยินมั้ยว่า คนที่ใช้ส่วนผสมของ แตงกวา ถั่ว ชาเขียว เบอรี่ แล้วทำให้เสี่ยงต่อการเป็ นโรคมะเร็งบ้าง เพราะเราก็สามารถพบ Parabens ได้ จากพืชต่างๆ เหล่านี้เหมือนกัน
จริงอยู่ที่ว่าเคยมี การทดลองและวิจัยเกี่ยวกั บ Parabens หลายๆ ชนิด และมีหลักฐานว่า มันอาจก่อให้เกิดมะเร็งเต้ านมได้ แต่แน่นอนว่า มันเป็น Parabens คนละตัวกับที่ เราใช้ในเครื่องสำอางปัจจุบัน และหลักฐานที่ว่าเองนั้นก็ไม่ ได้บ่งชี้ว่า Parabens ดังกล่าวเป็น
ชนิ ดใดและได้มาจากที่ใด
ชนิ
Parabens ที่ถูกใช้ในเครื่ องสำอางปัจจุบันนั้น ถือว่าเป็นตัวที่ก่อให้เกิ ดการระคายเคืองต่อผิวได้น้อยที่ สุด และParabens ที่ใช้ใน
เครื่ องสำอางนั้น โดยปกติจะถูกใส่ในอัตราส่วนที่ น้อยมากๆ อยู่แล้ว และเมื่อมันถูกทาลงผิวเรานั้น มันก็ถูกสลายไปได้โดยง่ายและไม่ก่ออันตรายใดๆ ต่อผิ วเราเลย
เครื่
References for this information: https://www.cancer.org/cancer/cancer-causes/antiperspirants-and-breast-cancer-risk.html; Journal of Exposure Science and Environmental Epidemiology, May 2017, pages 320–325; Annual Review of Food Science Technology, February 2017, pages 371–390; Skin Therapy Letter, July-August 2013, pages 5–7; and February 2013, pages 5–7; Journal of Agricultural Food Chemistry, June 2008, pages 4631–4636; International Journal of Toxicology, July 2008, pages 1–82; Journal of Applied Toxicology, July-August 2004, pages 303–304; Toxicology and Applied Pharmacology, November 1998, pages 12-19.